3 ชนิดของการก่อตัวทางเทคนิคที่พบได้บ่อย

บทความที่เกี่ยวข้อง:
เวลาอ่าน: 1 นาที

การวิเคราะห์ทางเทคนิคถูกใช้อย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนทั่วทุกมุมโลก มีการก่อตัวทางเทคนิคและตัวชี้วัดมากมายแต่คุณจะเริ่มต้นจากการทำความรู้จักการก่อตัวแบบพื้นฐานเสียก่อนเพราะความเรียบง่ายของพวกมันอาจจะกลายเป็นจุดแข็งของพวกมันก็ได้

การวิเคราะห์ทางเทคนิคถูกใช้อย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนทั่วทุกมุมโลก มีการก่อตัวทางเทคนิคและตัวชี้วัดมากมายแต่คุณจะเริ่มต้นจากการทำความรู้จักการก่อตัวแบบพื้นฐานเสียก่อนเพราะความเรียบง่ายของพวกมันอาจจะกลายเป็นจุดแข็งของพวกมันก็ได้

การก่อตัวสามารถถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบกลับตัว (reversal patterns) และรูปแบบต่อเนื่อง (continuation patterns) ในบทความนี้เราจะนำเสนอการก่อตัวในรูปแบบของการกลับตัว 2 แบบ และการก่อตัวแบบต่อเนื่อง 1 รูปแบบ ทุกรูปแบบสามารถถูกใช้ได้ทั้งในตลาดการลงทุนฟอร์เร็กซ์, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสกุลเงินคริปโท

การก่อตัวแบบ Double Bottom/ Double Top

รูปแบบ Double bottom/top เป็นหนึ่งในรูปแบบการก่อตัวแบบกลับตัวที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด มันเป็นรูปที่ง่ายแต่เต็มไปด้วยพลัง - มีจุดที่สองในกราฟที่ไม่ได้ลงไปต่ำกว่าจุดแรก (double bottom) หรือจุดที่สองที่ไม่ได้ขึ้นไปสูงกว่าจุดแรกของ (double top) เมื่อมีการก่อตัวแบบนี้แสดงว่ากราฟกำลังบ่งบอกว่ามีการชะลอตัวของแนวโน้มและเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าจะมีโอกาสเกิดการกลับตัว การก่อตัวแบบ double bottom คล้ายกับอักษรตัว W ในขณะที่ double top มีความคล้ายคลึงกับตัวอักษร M ถ้ายอดของ W หรือฐานของ M ถูกทำลายโดยราคา, แนวโน้มอาจจะมีการกลับตัว โดยทั่วไปแล้วช่วงของการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตจะมีค่าเท่ากับความสูงของ W หรือ M เป็นอย่างน้อย 

ในกรณีนี้ช่วงของการก่อตัวจะสูงกว่าความสูงของ M และการก่อตัวในรูปแบบนี้เป็นสัญลักษณ์ในการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ที่มา: xStation5

โปรดตระหนักไว้ว่าข้อมูลที่ถูกแสดงอยู่นี้อ้างถึงข้อมูลผลการดำเนินการในอดีต และข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต 

การก่อตัวแบบ Head and Shoulders

รูปแบบ head and shoulders มีความคล้ายคลึงกับรูปแบบของ double top และในทั้งสองกรณีผู้ซื้อไม่สามารถดึงราคาให้สูงขึ้นได้และสิ่งนี้บ่งบอกถึงแนวโน้มการกลับตัว ในกรณีนี้ยอดที่ 1 และ 3 จะต่ำกว่าและถูกเรียกว่า‘shoulders’หรือ ‘หัวไหล่’ในขณะที่ยอดที่ 2 คือจะเป็นจุดที่สูงที่สุดของการก่อตัวรูปแบบนี้และถูกเรียกว่า‘Head’ หรือ ‘ศีรษะ’จุดต่ำทั้งสองที่อยู่ระหว่างยอดทั้ง 3 ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันและพวกมันควรจะอยู่ในระดับเดียวกันด้วย จุดต่ำเหล่านี้สร้างเส้นที่เป็นคอที่เป็นพื้นฐานสำคัญ เมื่อราคาทะลุเส้นที่เป็นคอมันจะกระตุ้นให้เกิดการก่อตัว ช่วง Textbook range คือระยะห่างระหว่างเส้นที่เป็นคอและศีรษะ ยังมีการกลับตัวของการก่อตัวแบบ Head and shoulders ที่เป็นบ่งบอกว่าการกลับตัวของแนวโน้มลดง - มันมีกลไลการทำงานที่เหมือนกันเพียงแต่ในทิศทางตรงกันข้าม

การก่อตัวแบบ Head and shoulders บนตลาด EURSEK สิ่งหนึ่งที่เราสามารถเห็นได้จากกราฟคือมันสร้างแนวโน้มแบบ Textbook

ที่มา: xStation5

โปรดตระหนักไว้ว่าข้อมูลที่ถูกแสดงอยู่นี้อ้างถึงข้อมูลผลการดำเนินการในอดีต และข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต

การก่อตัวแบบ Wedge

ไม่เหมือนกันการก่อตัวของสองแบบที่ผ่านมา, การก่อตัวแบบ wedge เป็นรูปแบบของการก่อตัวแบบต่อเนื่อง ตัวของ wedge เองเป็นส่วนของการทดแทนราคาซึ่งเกิดขึ้นตามหลังความเคลื่อนไหวที่เป็นการกระตุ้นตลาดอย่างรวดเร็ว ราคาแนวกว้างลดลงอย่างรวดเร็วใน wedge และเมื่อราคาทะลุส่วนที่เป็น wedge จะมีการกระตุ้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง - ในทิศทางเดียวกันกับความเคลื่อนไหวแรก - ที่ควรจะเกิดขึ้น เราสามารถบอกบอก downward wedge ที่แยกการกระตุ้นแนวโน้มขึ้นได้ และ upward wedge ที่แยกจากการกระตุ้นที่ทำให้เกิดแนวโน้มลดลงได้ ความคิดที่เราได้จากตรงนี้ก็คือการลดความผันผวนบริเวณ wedge แสดงให้เห็นถึงการขาดความสนใจของผู้มีส่วนร่วมในตลาดที่ต้องการจะไล่ตามทิศทางของ wedge และแนวโน้มเดิมจะกลับมาในที่สุด

downward wedge ของดัชนี BRAComp เป็นเพียงการชัดเชยราคาระหว่างที่ราคาทั้งสองราคาทะยานขึ้น ที่มา: xStation5

โปรดตระหนักไว้ว่าข้อมูลที่ถูกแสดงอยู่นี้อ้างถึงข้อมูลผลการดำเนินการในอดีต และข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต

เข้าสู่ตลาดพร้อมลูกค้าของ XTB Group กว่า 1 000 000 ราย

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราให้บริการมีความเสี่ยง เศษหุ้น (Fractional Shares) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการจาก XTB แสดงถึงการเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนหรือ ETF เศษหุ้นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอิสระ สิทธิของผู้ถือหุ้นอาจถูกจำกัด
ความสูญเสียสามารถเกินกว่าเงินที่ฝาก